ครม.ไฟเขียว AOT เร่งหาผู้ประกอบการคาร์โก้สุวรรณภูมิรายที่ 2 ก่อนหมดสัญญาปี 69 : อินโฟเควสท์

[小说名称(二):] 时间:2025-06-11 07:13:27 来源:论功行赏网 作者:招摇 点击:78次
ข่าวทั่วไป

  • LINE iconLine

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย [AOT] หรือ ทอท. ดำเนินโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่ 2 เนื่องจากบริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบมจ.บางกอกแอร์เวย์ส [BA] (ผู้ประกอบการรายที่ 2) จะหมดสัญญาปี 2569 ขณะที่ปัจจุบันปริมาณการจราจรทางอากาศจำนวนของผู้โดยสาร ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศและการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรมแดนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ปริมาณสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิพบว่า ในปี 2570 จะมีปริมาณสินค้าจำนวน 1.67 ล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกปี หากผู้ประกอบการรายที่ 2 หมดสัญญาในปี 2569 แล้วยังไม่สามารถพิจารณาให้สิทธิการประกอบกิจการแก่ผู้ประกอบการรายใหม่ก่อนสัญญารายเดิมจะสิ้นสุดลงจะทำให้เหลือเพียงการบินไทยฯ เพียงรายเดียวที่ให้บริการคลังสินค้า ซึ่งจะไม่เพียงพอกับความต้องการในการใช้บริการที่จะเพิ่มสูงขึ้นได้

ดังนั้น ทอท.จึงจำเป็นต้องพิจารณาให้สิทธิกับผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติเหมาะสมล่วงหน้าก่อนที่อายุสัญญาของผู้ประกอบการรายที่ 2 จะสิ้นสุดลง ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 มาตรา 49 ที่บัญญัติให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำแนวทางการดำเนินโครงการภายหลังจากสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดลงอย่างน้อย 5 ปี ก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุด

ปัจจุบัน ทอท.เป็นผู้ดำเนินการบริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยบริการคลังสินค้า ได้ให้สิทธิแก่ผู้ประกอบการจำนวน 2 ราย คือ บมจ. การบินไทย [THAI] (ผู้ประกอบการรายที่ 1) หมดสัญญาปี 2583 ปริมาณขนส่งสินค้า 1.20 ล้านตัน/ปี และ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด (ผู้ประกอบการรายที่ 2) หมดสัญญาปี 2569 ปริมาณขนส่งสินค้า 0.55 ล้านตัน/ปี

โครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของผู้ประกอบการรายที่ 2 มูลค่าโครงการ 15,253 ล้านบาท (ประเมินจากค่าผลประโยชน์ตอบแทน, ค่าเช่าพื้นที่, ค่าลงทุนสิ่งปลูกสร้างและค่าลงทุนอุปกรณ์และระบบ) โดยรูปแบบร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน PPP Net Cost ระยะเวลาดำเนินโครงการ 20 ปี นับจากวันส่งมอบพื้นที่ โดยเอกชนมีหน้าที่จัดหาเงินทุนเพื่อลงทุนสิ่งปลูกสร้าง อุปกรณ์ และระบบ รวมทั้งการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการฯ ส่วนภาครัฐมีหน้าที่จัดหาที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการและกำกับดูแลและติดตามตรวจสอบคุณภาพ

ทั้งนี้ เอกชนจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรายได้ของโครงการฯ และเป็นผู้รับความเสี่ยงทางด้านรายได้โดยตรงโดยจะต้องจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ภาครัฐเป็นรายปีตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งกำหนดให้เอกชนจ่ายค่าผลประโยชน์ตอบแทนโดยเปรียบเทียบกันระหว่างค่าส่วนแบ่งรายได้ 10% ของรายได้ต่อเดือน และค่าตอบแทนขั้นต่ำที่แน่นอน ซึ่งเอกชนจะต้องเป็นผู้เสนอเข้ามาในขั้นตอนการคัดเลือก โดยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วให้เอกชนจ่ายให้ภาครัฐในรายการที่มีมูลค่าสูงกว่า

สำหรับประมาณการรายได้โครงการ เอกชนจะมีรายได้ตลอดอายุโครงการ 20 ปี ประมาณ 42,205.17 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ อยู่ที่ 34,161.76 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ค่าลงทุนสิ่งปลูกสร้าง อุปกรณ์ และระบบ จำนวน 1,120 ล้านบาท (2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและบำรุงรักษา จำนวน 33,041.76 ล้านบาท (เอกชนเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาเงินทุนทั้งหมด)

ทั้งนี้ จากผลการวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางการเงิน (อัตราคิดลด 3%) ผลตอบแทนการลงทุนของเอกชน มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV) 1,465.30 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Internal Rate of Return : FIRR) 22.54% ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) 4 ปี 11 เดือน อัตราส่วนผลประโยชน์ตอบแทนต่อเงินลงทุน (Benefit/Cost Ratio (B/C Ratio) 2.15 เท่า

ส่วนผลตอบแทนการลงทุนของ AOT มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของค่าผลประโยชน์ตอบแทนทั้งหมดที่จะได้รับ จำนวน 4,919.72 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ ครม.มีมติเห็นชอบให้มีผู้ประกอบการรายที่ 3 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการคัดเลือกเอกชนโดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2571 ดังนั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะมีผู้ประกอบการ 3 ราย รวมปริมาณสินค้าที่รองรับได้รวม 2.28 ล้านตัน/ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มิ.ย. 68)

  • LINE iconLine
Tags: AOT, คาร์โก้, ประชุมครม., มติคณะรัฐมนตรี

(责任编辑:天使街的笨女孩)

相关内容
精彩推荐
热门点击
友情链接